วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

5 วิธียืดตัวให้สูง


**สำหรับคนอายุ 17 - 20 ปี**

1.กระโดดเชือก 600 ครั้ง หรือ ออกกำลังที่มีการยืดใช้เวลาประมาณ 30 นาที (เช้า - เย็น)
ถ้าหากเบื่อวิธีที่กล่าวมา ก็เต้นแอโรบิค หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับการเต้น
ออกกำลังกายแบบเคลื่อนไหวก็ใช้ได้เหมือนกัน ใช้เวลาติดต่อกัน 30 - 60 นาที
(ว่ายน้ำ วิ่งช้า ๆ ขี่จักรยาน บาสเกตบอล เทนนิส เดินเร็ว และอื่นที่มีการกระโดด) ก็ได้ทำให้สูงได้เหมือนกัน

2.ดื่มนมวันละ 2 แก้ว หลังอาหาร (เช้า - หลังอาหาร) เพราะนมวัวไม่เพียงอุดมไปด้วยแคลเซียมและสารอาหารต่างๆ เท่านั้น
แต่ยังมีสารอาหารบางอย่างที่ทำให้สูงขึ้นหรือทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้นนั้นเอง
เป็นสารอาหารที่สำคัญอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการสูงขึ้น


3.นอนเวลาประมาณ 3 ทุ่มขึ้นไป แต่ห้ามนอนหลังเที่ยงคืนและนอนให้เพียงพอ
*(เพราะฮอร์โมนความสูงจะหลั่งตั้งแต่ เที่ยงคืน ถึง ตี 5)


4.กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น) สารอาหารให้ครบ 5 หมู่

5.งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอลฮอล์ และ น้ำอัดลม งดสูบบุรี่ เท่าที่จะเป็นไปได้
เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ที่จะทำให้มีโอกาสสูงได้น้อยลงได้เหมือนกัน





ถ้าคุณทำตาม 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ภายใน 1 เดือน (30 วัน) รับรองได้คุณจะสูงเพิ่มอีกเฉลี่ยเดือนละ 1.30 เซนติเมตร
(แต่ต้องทำทุกวัน)
^_^ถ้าไม่เชื่อก็ลองวัดส่วนสูงดูก็ได้นะคะ^_^

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Vanessa-Mae



Vanessa-Mae Vanakorn Nicholson (born 27 October 1978), known professionally as Vanessa-Mae (in Chinese: 陳美, Chén Měi), is an internationally known British violinist. Her music style is self-described as "violin techno-acoustic fusion", as several of her albums prominently feature the techno style. She is currently a judge on Popstar to Operastar.




Childhood


Vanessa-Mae was born in Singapore to a Thai father (Vorapong Vanakorn) and a Chinese mother (Pamela Tan). After her parents separated, her mother married Graham Nicholson, and the family moved to England when Vanessa-Mae was four years old. She grew up in London and holds British citizenship. She attended the independent Francis Holland School in London.




Professional life



Vanessa-Mae began playing piano at the age of three and violin at five.She was particularly famous in the United Kingdom throughout her childhood making regular appearances on television (for example on Blue Peter) mostly involving classical music and conservative style. According to Guinness World Records, she is the youngest soloist to record both the Beethovenand Tchaikovsky violin concertos, a feat she accomplished at the age of thirteen.During this time she attended the Francis Holland School in central London.Vanessa-Mae made her international professional debut at the Schleswig-Holstein Musik Festival in Germany in 1988, and also during 1988 made her concerto debut on stage with the Philharmonia Orchestra in London.On entering adolescence Vanessa-Mae broke away from her traditional classical influences and became known for her flashy, sexual style appearing in music videos in stylish outfits. Her first pop-style album, The Violin Player, was released in 1995. She appeared on the 1997 Janet Jackson album The Velvet Rope playing a violin solo on the song "Velvet Rope".She performed in the interval of the 1998 Eurovision Song Contest in Birmingham.In April 2006, Vanessa-Mae was ranked as the wealthiest young entertainer under 30 in the UK in the Sunday Times Rich List 2006. having an estimated fortune of about £32 million stemming from concerts and record sales of over an estimated 10 million copies worldwide, which is an unprecedented achievement for a young female violinist.Vanessa-Mae announced in 2006 that she would be releasing a new album sometime between 2007 and 2008. The album was said to draw inspiration from great ballets and opera themes. A new album was expected in 2009, but the year ended without the expected release.Vanessa-Mae was the special guest violinist for Il Divo's Christmas Tour 2009.She plans to compete in the 2014 Winter Olympics as a downhill skier, representing Thailand.



Violins


Vanessa-Mae most often uses one of two types of violins, a Guadagnini acoustic violin or a Zeta Jazz model electric violin. The Guadagnini was made in 1761, and was purchased by her parents at an auction for £150,000. It was stolen in January 1995, but was recovered by the police two months later. She once dropped it and it broke, but it was repaired.In addition, she uses one of two Zeta Jazz Model electric violins, one of which is white and the other one of which features decals of the U.S. flag. She has also been using a silver-grey Zeta Jazz Model electric violin since 2001. She also owns three Ted Brewer Violins two of which she uses on stage (a Crossbow and a Vivo2 Clear) and in publicity material. In addition to these violins, she sometimes buys violins and resells them later, giving the proceeds to charity.


กฎ 10 ข้อแห่งความโชคดีในการสอบรับตรง Admissions



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 1



โชคนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเรา แต่โชคดีเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้นมันจะคงอยู่ตลอดไป อยากมีโชคก็ต้องอ่านหนังสือนะจ้า ความรู้ต้องมั่นทบทวนอยู่เสมอ เพราะถ้าทิ้งไว้นาน ก็จะลืม อิอิ



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 2


คนที่อยากจะมีโชคดีมีมาก แต่คนที่จะตัดสินใจไขว่คว้าหามาให้ได้มีน้อย คนส่วนใหญจะอยากจะทำข้อสอบได้คะแนนเยอะ แต่มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะทำคะแนนสอบได้ดี เพราะคนส่วนใหญ่มัวแต่ เล่นเกมส์ เที่ยวกับเพื่อน ดูละคร



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 3


หากตอนนี้คุณไม่มีโชคดี บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมยังเป็นสภาวะเดิมๆ เพื่อให้ความโชคดีมาเยือน คุณจำต้องสร้างสภาวะใหม่ๆให้เกิดขึ้น การที่ทำข้อสอบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเพราะโชคไม่ดีหรอกแต่เป็นเพราะเตรียมตัวมาไม่พร้อมเอง



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 4


การเตรียมสภาวะที่เหมาะสมสำหรับโชคดี ไม่ได้หมายความว่าให้หาผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว การสร้างสภาวะที่เหมาะสมเพื่อให้คนอื่นได้รับประโยชน์ด้วยจะนำโชคดีมาให้ คนที่เก่งแล้ว ก็ควรจะแบ่งปันความรู้ให้กับผู้อื่นเพราะนอกจาก เราจะได้ทำเพื่อนของเรามีความรู้มากขึ้นแล้ว ตัวเราเองก็จะได้ทบทวนไปในตัวด้วย เหมือนคำกล่าวที่ว่าครูจะเก่งก็เพราะนักเรียน



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 5


หากผัดผ่อนการเตรียมสภาวะที่เหมาะสม "ไว้วันหน้า" บางทีโชคดีอาจจะไม่มาเยือนเลย การสร้างสภาวะที่เหมาะสมต้องมีก้าวแรก เริ่มก้าวเสียแต่วันนี้!คำกล่าวที่ว่า ไว้พรุ้งนี้ค่อยอ่าน ไว้อีก 1 ชมค่อยอ่าน ควรจะเปลี่ยนเป็น ยิบหนังสือมาอ่านเดี่ยวนี้ ตอนนี้



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 6


แม้ในสภาวะที่ดูเหมือนว่าพร้อมแล้ว บางครั้งโชคดีก็ไม่มาเยือน จงมองหารายละเอียดเล็กๆน้อยๆ สภาวะที่ดูเผินๆเหมือนจะไม่จำเป็น... แต่แท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แม้บางครั้งเราอาจจะตั้งใจอ่านมาดีแล้ว แต่บางครั้งเราอาจจะทำข้อสอบไม่ได้เสมอไป จงสำรวจตัวเองว่าเราทำไม่ได้เพราะอะไร จงหาข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยจากครั้งที่ผ่านมา



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 7


ที่เชื่อแต่เรื่องโชค จะเห็นว่า การสร้างสภาวะที่เหมาะสมเป็นเรื่องไร้สาระ คนที่ลงมือสร้างสภาวะที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น จะไม่กังวลเรื่องโชค คนที่คิดจะหวังขอให้เดาถูกด้วยเถอะ นั่นเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด มีคำกล่าวที่ว่า ต่อให้เทวดามาทำข้อสอบ Pat ยังทำไม่ได้เลย แล้วนี่ยังมีอัตนัยอีก ฮาฮา คุณนั่นหละจงขยันอ่านหนังสือและก็ทำมันได้ด้วยตัวเอง



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 8


ไม่มีใครขายโชคได้ โชคดีนั้นไม่มีขาย จงอย่าเชื่อใจผู้เสนอขายโชค กวดวิชาที่ใดที่บอกว่า เรียนที่นี่รับประกันว่าติดแน่นอน แต่ที่ติดจริงๆ ก็ต้องเป็นเพราะตัวเราเองเป็นอันดับแรก ต่อให้เข้าเรียน กวดวิชาชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ถ้าเกิดไม่ตั้งใจเรียน ไม่อ่านหนังสือ ไม่ทำแบบฝึกหัด ยังไง ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณคะแนนดีหรอก



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 9


เมื่อได้สร้างสภาวะที่เหมาะสมทุกประการแล้ว จงอดทนรอ อย่าละทิ้งไป เพื่อให้โชคดีมาเยือนการที่เราขยันอยู่ทุกวัน จงรักษาการกระทำแบบนั้นไว้ ( พักผ่อนหาเวลาเที่ยวเล่นบ้างก็ได้แต่อย่ามากจนเกินไป) อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วถนัดแล้ว เพราะนับวัน สทศ ยิ่งออกข้อสอบ ............. จงอย่าตกอยู่ในความประมาท 55+



กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 10


การสร้างโชคดี ก็คือ การเตรียมสภาวะแวดล้อมให้พร้อมสำหรับโอกาส แต่โอกาสไม่ใช่เรื่องของโชคหรือความบังเอิญ โอกาสมีอยู่ตลอด การทำข้อสอบได้เป็นเพราะแสวงหา ไม่ใช่เพราะโชคชะตาหรือความบังเอิญ เบื้องหน้าอาจจะเห็น คนที่ได้คะแนนเยอะ บอกว่า โชคดีจึงทำข้อสอบได้คะแนนดี แต่ฉากหลังแล้ว พวกเขาเหล่านั้น มั่นอ่านหนังสือ ทบทวนตำราเรียนอยู่ทุกวัน


"โชคดีมีอยู่ให้พวกเราเสมอ อยู่ที่ว่าพวกเราจะสร้างสภาวะแวดล้อม


ให้พร้อมที่จะรับความโชคดีนั้นหรือเปล่า"




ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.unigang.com







วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันรพี





"วันรพี" (7 สิงหาคมของทุกปี) เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ และทรงวางระบบแบบแผนศาลยุติธรรม รวมถึงทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติ

ชื่อของวันรพีมาจากพระนามเดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ คือ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๑๔ ในสมเด็จพระปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๔๑๗




พระประวัติ



พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็น พระราชโอรสองค์ที่ ๑๔ ในสมเด็จพระปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๔๑๗





การศึกษา



พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าศึกษาวิชาภาษาไทยครั้งแรกในสำนักพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) เมื่อทรงผ่านการศึกษาแล้วได้ ทรงเข้าศึกษาภาษาอังกฤษชั้นต้น ในสำนักครูราม สามิ และในปี พ.ศ. ๒๔๒๖ ได้ทรงเข้าศึกษา ภาษาไทยอยู่ในสำนักพระยาโอวาทวรกิจ (แก่น) เปรียญ ณ พระตำหนักสวนกุหลาบ ในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ได้ทรงผนวชเป็นสามเณรประทับอยู่วัดบวรนิเวศ เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๓๑ได้เสด็จไปประเทศอังกฤษ และทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมอยู่ในกรุงลอนดอน ๓ ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วได้ทรงเลือกศึกษาวิชา กฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช ในมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ เมื่อได้ทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัย ไครส์ตเชิช แล้วได้ ทรงอุตสาหะเอาพระทัยใส่เป็นอย่างมาก ในที่สุดได้ ทรงสอบไล่ได้ตามหลักสูตรชั้นปริญญาเกียรตินิยม ในทางกฎหมายของมหาวิทยาลัยแห่งนั้นจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ

พระราชกรณียกิจ




ด้วยพระปรีชาสามารถอันเป็นอัจฉริยะประกอบกับพระวิริยะอุตสาหะข

องพระเจ้าบรมวงศ์ เธอกรมหลวง ราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ อันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นเอนกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการกฎหมายไทย กล่าวคือทรงปรับปรุงศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ทรงตรวจชำระสะสางกฎหมายทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายเพื่อเปิดการสอนกฎหมาย ครั้งแรกทรงรวบรวม และแต่งตำราคำอธิบายกฎหมายลักษณะต่างๆ มากมายทรงเป็นกรรมการตรวจตัดสิน ความฎีกาซึ่งทำหน้าที่ศาลสูงสุดของประเทศ ทรงตั้ง กองพิมพ์ลายมือขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ สำหรับตรวจ ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาในคดีอาญา อันเป็นจุดเริ่มต้น ของการพิสูจน์ลายมือที่กรมตำรวจ ในปัจจุบันนอกจาก นั้นในขณะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิราช ทรงปรับปรุงกิจการกรมทะเบียนที่ดินให้เจริญก้าวหน้า เป็นอันมาก





สิ้นพระชนม์



ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ได้ทรงได้รับพระราชทานอนุญาต ให้ลาพักราชการในตำแหน่งเสนบดีกระทรวงเกษตราธิราชเพื่อรักษาพระองค์ด้วย ทรงประชวรด้วยพระวัณโรคที่พระวักกะ และเสด็จไปรักษาพระองค์ ณ กรุงปารีส แต่อาการหาทุเลาไม่ ในที่สุดได้เสด็จสิ้นพระชนม์ ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๔๖๓ พระชนมายุได้ ๔๗ พรรษา พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ ผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตอย่างยิ่งยวด ทรงถือว่าความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะสำหรับนักกฎหมาย และทรงจัดตั้งโรงเรียน กฎหมายและเป็นผู้สอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง เพื่อที่จะให้มีผู้รู้กฎหมายมากขึ้นทรงจัดวางระเบียบศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ ทรงรวบรวมกฎหมาย และคำพิพากษา ฎีกาพร้อมแต่งตำราอธิบายกฎหมายต่าง ๆ มากมายการค้นคว้ารวบรวมและพระนิพนธ์ ได้เป็นรากฐานก่อตั้งการศึกษานิติศาสตร์ขึ้นในประเทศไทยอันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติจึงทรงได้รับยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" และเรียกวันที่ ๗ สิงหาคม อันเป็นคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ทุกปีว่า "วันรพี"